Categories
Uncategorized

เอไอสตรีนิยม

เหตุใดเราจึงต้องพูดเรื่อง “ปัญญาประดิษฐ์สตรีนิยม”?

ไม่สามารถมีใครปฏิเสธได้ว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence, AI) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงมากในแทบทุกด้านของชีวิต หลายคนอาจคิดว่าเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ห่างไกลจากตัวเอง หรือยังมีภาพของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งอาจเรียกย่อๆว่า “เอไอ” จากภาพยนตร์ที่มักวาดภาพเอไอว่าอยู่ในโลกอนาคตอันห่างไกล และดูเหมือนว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีบทบาทอะไรในชีวิตประจำวันของเราในเวลานี้ แต่เอไอไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในรูปของหุ่นยนต์ที่มาบุกทำลายโลก หรือคอมพิวเตอร์ที่มายึดอำนาจจากมนุษย์แล้วตั้งตัวเป็นใหญ่ ในทางตรงกันข้ามเรากำลังใช้ประโยชน์จากเอไออยู่ทุกวันในเวลานี้โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว เมื่อเราเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดแอพแผนที่เพื่อหาว่าสถานที่ที่เราอยากจะไปอยู่ที่ไหน และจะไปได้อย่างไร ตัวจักรที่ทำงานเพื่อให้คำตอบแก่เรา ก็คือเอไอ หรือเวลาเราเปิดโปรแกรมสื่อสังคมเช่นเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์ ตัวจักรที่เสนอโฆษณาให้แก่เรา โดยที่โฆษณาเหล่านั้นตรงกับความสนใจของเราอย่างไม่น่าเชื่อ ก็มาจากเอไอเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นโปรแกรมเอไอก็ยังนำมาใช้ในส่วนต่างๆของสังคมมากขึ้น เช่นในการตัดสินใจซื้อขายหุ้น บริษัทหลายแห่งได้นำเอาเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพื่อซื้อขายหุ้นโดยตรงแทนตัวแทนที่เป็นมนุษย์ นอกจากนี้ก็มีการนำมาใช้ในด้านอื่นๆอีกมาก

การที่เอไอมามีบทบาทมากเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมากในด้านต่างๆ ลักษณะสำคัญที่ทำให้เอไอแตกต่างจากเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆก็คือว่า เอไอสามารถคิดได้ด้วยตนเอง ตัวอย่างการซื้อขายหุ้น ตัวการที่ทำหน้าที่ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือจะขาย จำนวนเท่าใด ก็เป็นเอไอล้วนๆ โดยมนุษย์เพียงแค่สังเกตการทำงานเท่านั้น ในด้านอื่นๆก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง มนุษย์เพียงแต่บอกรถว่าจะไปไหน แล้วรถก็จะวิ่งไปยังจุดหมายนั้นโดยไม่ต้องมีมนุษย์เป็นผู้ขับ ตัวการที่ขับรถนั้นก็คือเอไอ ซึ่งในรูปแบบที่เอไอทำงานได้เองเต็มที่ จะเป็นตัวตัดสินใจเองว่าจะเลือกเส้นทางใด (การเลือกเส้นทางก็เป็นงานของเอไอตามปกติอยู่แล้วในแอพแผนที่) นอกจากนี้ยังรู้ว่าเมื่อสัญญาณไฟเป็นไฟแดง ก็ต้องหยุด เมื่อมีคนจะข้ามถนนก็ต้องหยุดให้ข้าม ที่เอไอทำเช่นนี้ได้ก็เพราะว่า ในโปรแกรมมีการเรียนรู้กฎจราจรต่างๆ แล้วก็ปฏิบัติไปตามนั้น การทำงานของเอไอมีประสิทธิภาพขนาดที่ว่า มีหลายฝ่ายออกมาบอกว่า ถ้าให้เอไอเป็นผู้ขับรถแทนที่มนุษย์เป็นส่วนใหญ่ อัตราการเกิดอุบัติเหตุจะน้อยลงมากๆ เพราะเอไอจะทำงานตามกฎจราจรตลอดเวลา ไม่มีการละเมิดกฎด้วยเหตุส่วนตัวต่างๆแบบที่มนุษย์ชอบทำ

นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้งานเอไอในการตัดสินใจเลือกคนเข้ามาทำงาน บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งได้เริ่มให้เอไอเข้ามาช่วยงานของฝ่ายบุคคล โดยให้เอไออ่านเอกสารใบสมัครเข้าทำงาน แล้วคัดเลือกว่าใครควรจะได้รับเข้าทำงาน การตัดสินใจของเอไอก็ขึ้นอยู่กับการดูที่คุณสมบัติต่างๆที่ผู้สมัครเขียนไว้ในใบสมัคร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเอไอมีความสามารถในการอ่านเอกสาร ตลอดจนทำความเข้าใจ และตัดสินใจด้วยตนเองจากเนื้อหาความเข้าใจเอกสารที่ตนเองอ่าน คุณสมบัติเหล่านี้เคยคิดกันว่าเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ทั้งสิ้น และเพียงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ยากที่จะมีใครจะเชื่อว่าในเวลานี้เครื่องจักรอย่างเอไอ จะมีความสามารถในการอ่านข้อความเป็นเขียนเป็นภาษามนุษย์ และทำความเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นเอไอก็ยังมีความสามารถในการเขียนข้อความยาวๆเป็นภาษามนุษย์ได้อย่างถูกต้องอีกด้วย หลายคนอาจเคยได้ยินเอไอรุ่นใหม่ที่เรียกว่า ‘ChatGPT’ ซึ่งมีความสามารถมากมายมหาศาล นอกจากจะเขียนบทความได้เอง ยังสามารถตอบคำถามต่างๆได้อย่างน่ามหัศจรรย์

การที่เอไอมีความสามารถมากขนาดนี้ ก็ย่อมทำให้เอไอมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านบวกและด้านลบ การทำงานของโปรแกรมซื้อขายหุ้นอาจจะก่อให้เกิดผลเสียอย่างมหาศาลหากไม่กำกับดูแลอย่างรอบคอบ เพราะหากมนุษย์ไว้ใจให้เอไอดูแลการซื้อขายหุ้นและสินทรัพย์ต่างๆเป็นจำนวนมากๆ และหากเกิดผิดพลาดขึ้นมา ผลกระทบจะใหญ่หลวงมาก หรือรถขับด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้จริงเพราะสังคมยังไม่มั่นใจว่าจะทำงานได้ดีจริงๆตามที่ได้ออกแบบไว้หรือไม่ การที่เอไอสามารถผลกระทบอย่างกว้างขวางมากเช่นนี้ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคิดเกี่ยวกับมาตรการทางจริยธรรมของเอไอ เพื่อกำกับดูแลการทำงานไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วก็อาจไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้เลย

นอกจากนี้ประเด็นที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า ในบรรดาผลกระทบทางสังคมที่เอไอสามารถก่อให้เกิดขึ้นได้นั้น ผลกระทบเกี่ยวกับความเป็นธรรมทางเพศ เป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญมากๆประเด็นหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากว่าชายและหญิงถือได้ว่าเป็นคนละครึ่งของประชากรที่มาประกอบกันเป็นมนุษยชาติ และก็เป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ผู้หญิงตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบฝ่ายชายมาโดยตลอด ทั้งในด้านโอกาสในการหารายได้ หรือโอกาสในการมีความก้าวหน้าในที่ทำงาน สาเหตุหนึ่งที่เรื่องความเท่าเทียมทางเพศมีความสำคัญก็เพราะว่า สังคมที่ให้ความสำคัญแก่ความเท่าเทียมทางเพศ มักจะเป็นสังคมที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมสูงกว่าประเทศที่ไม่ทำเช่นนี้ (อ้างอิง Gita Gopinath, “Gender Equality Boosts Growth and Economic Stability,” https://www.imf.org/en/News/Articles/2022/09/27/sp092722-ggopinath-kgef-gender-korea) นอกจากนี้ยังมีเหตุผลเรื่องความยุติธรรมในสังคมอีกด้วย เนื่องจากไม่ควรมีคนกลุ่มใดในสังคมที่ต้องตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบตลอดเวลา เพียงเพราะด้วยเหตุผลว่าตนเองเกิดมาเป็นแบบนี้

ดังนั้น เนื่องจากเอไอมีพลังอำนาจสูง สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างกว้างขวาง เอไอจึงสามารถสร้างผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ทั้งในด้านที่ส่งเสริมหรือทำลายความเท่าเทียมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัญหาในปัจจุบันก็คือว่า เอไอมักจะถูกใช้งานไปในทางที่ดูจะทำลายความเท่าเทียม หรือทำให้ช่องว่างระหว่างกลุ่มเพศ ซึ่งมีอยู่ในสังคมก่อนหน้านี้แล้ว ยิ่งห่างออกจากกันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้เอไอในการคัดเลือกคนเข้าทำงาน สิ่งที่ปรากฏก็คือว่า นอกจากเอไอจะเลือกคนเข้าทำงานตามคุณสมบัติที่อ่านพบได้ในใบสมัครแล้ว ก็ยังเกิดสถานการณ์ที่ว่า ผู้ชายมักจะได้เปรียบมากกว่า เนื่องจากข้อมูลที่ใช้ “สอน” เอไอจะได้มาจากสถานการณ์ทั่วไปในสังคม ซึ่งสถานการณ์ทั่วไปนี้ก็มักจะเป็นสถานการณ์ที่ผู้ชายได้เปรียบมากกว่าอยู่แล้ว (เนื่องจากเป็นความเป็นจริงในสังคม) เอไอก็เลยทำตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่เนื่องจากการที่ผู้ชายเป็นฝ่ายได้เปรียบ เป็นสิ่งไม่ถูกต้องดังที่ได้อภิปรายไปแล้ว เลยมีความจำเป็นต้องแก้ไขการทำงานของเอไอ และส่วนต่างๆในสังคมที่ทำงานอยู่รอบๆเอไอ เพื่อให้เกิดการแก้ไขสถานการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบตรงนี้ เพื่อที่ในท้ายที่สุดเราจะมีสังคมที่ให้ความเป็นธรรมที่แท้จริง

เหตุผลดังกล่าวนี้เป็นเหตุผลหลักที่ตอบคำถามว่า “เหตุใดจึงต้องพูดเรื่อง ปัญญาประดิษฐ์สตรีนิยม?” คำว่า “สตรีนิยม” มีความหมายรวมไปถึงการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมในด้านเพศ ดังนั้น “ปัญญาประดิษฐ์สตรีนิยม” ก็คือปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอที่มุ่งสร้างความเท่าเทียมหรือความเป็นธรรมด้านเพศ ไม่ใช่ทำในทางตรงข้าม หรือไม่ทำอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย การที่เอไอมีส่วนในการสร้างความไม่เท่าเทียมให้เกิดขึ้น เช่นในการจ้างงานดังที่กล่าวมา ก็ทำให้เอไอกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่สังคมพยายามจะแก้ แต่การที่เราจะทิ้งเอไอไปเลยก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ในสังคมปัจจุบัน ดังนั้นทางเลือกที่เหลืออยู่ก็คือ การร่วมกันคิดว่าเราจะออกแบบหรือจัดการกับเอไออย่างไร เพื่อให้เอไอกลายมาเป็นพลังในการสร้างสรรค์สังคมที่เป็นธรรมและมีคุณภาพ แทนที่จะปล่อยไปตามยถากรรม ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าหากทำเช่นนั้น เราจะได้สังคมยิ่งมีความแตกต่างทางเพศมากขึ้นไปอีก ในท่ามกลางความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะสร้างสังคมที่เป็นธรรม หากเอไอกลายไปเป็นเครื่องมือสร้างความไม่เป็นธรรมไปเสียแล้ว ก็ยากจะแก้ไขได้เนื่องจากเอไอมีบทบาทสูงมากๆดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่มีความพยายามในการคิดพูดและทำเกี่ยวกับเอไอสตรีนิยม ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ผู้หญิงกลายมาเป็นฝ่ายมีอำนาจเหนือในสังคม เพราะการทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นการสร้างความเท่าเทียมกันแต่อย่างใด และไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ถาวรใดๆได้ สิ่งที่เราต้องการคือสังคมที่มีความเป็นธรรม ซึ่งในหลายกรณีสังคมที่เป็นธรรม ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสังคมที่ “ตาบอด” ในเรื่องเพศ เพราะบางทีการที่เรา “ตาบอด” หรือมองไม่เห็นหรือมองข้ามความแตกต่างทางด้านเพศไปเลย ก็อาจเป็นการสืบทอดความได้เปรียบหรือการมีอำนาจของกลุ่มผู้ชายไปก็ได้ ตัวอย่างก็มีเช่น ในการออกแบบเทคโนโลยีอย่างอื่น เช่นเทคโนโลยียานยนต์ มักจะมีการออกแบบให้แก่ผู้ชายเป็นหลัก เพราะผู้ชายในอดีตมักอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ มีงานทำ มีรายได้ คนออกแบบรถจึงมักจะมีผู้ชายอยู่ในใจเวลาออกแบบรถ เช่นรถในสมัยก่อนมีที่จุดบุหรี่ แล้วการออกแบบภายในก็คำนึงถึงร่างกายโดยเฉลี่ยของเพศชายเป็นหลัก กระบวนการออกแบบเช่นนี้อาจมาจากการที่ผู้ออกแบบมองไม่เห็น หรือมองข้าม ความเป็นจริงที่ว่าปัจจุบันผู้หญิงขับรถมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้หญิงต้องปรับตัวมากกว่าผู้ชายเวลาขับรถ วิศวกรที่ออกแบบรถอาจจะคิดว่าตนเองมีความ “มืดบอด” ในด้านเพศ คือไม่สนใจว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะมานั่ง แต่การที่สภาพสังคมโดยรวมมีแนวโน้มที่จะให้ผู้ชายเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ก่อนแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าทำให้วิศวกรคิดไปได้ว่า การออกแบบถึงแม้ว่าจะไม่คิดว่าสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่การออกแบบก็ทำไปโดยอาจไม่รู้ตัว หากเป็นเช่นนี้จริงก็เท่ากับการ “มืดบอด” ไม่เห็นลักษณะพิเศษของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม อาจเป็นเหตุทำให้ความไม่เป็นธรรมถูกสืบทอดออกไปก็ได้ ในทำนองเดียวกัน เอไอที่ “มืดบอด” ในด้านความแตกต่างระหว่างเพศ ก็อาจจะถูกใช้ไปเพื่อสืบทอดความไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน ตัวอย่างของเอไอที่อ่านใบสมัครงานแล้วเลือกผู้ชายเป็นหลัก ก็อาจจะผลิตขึ้นมาโดย “มืดบอด” คือไม่สนใจเรื่องความแตกต่างทางเพศ อ่านใบสมัครโดยไม่สนใจว่าใครเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เนื่องจากชุดข้อมูล (dataset) ที่ป้อนเข้ามาให้เอไอ มีอคติหรือความไม่เท่าเทียมกันอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ผลก็คือเอไอที่ “มืดบอด” ก็เลยผลิตซ้ำความไม่เท่าเทียมนั้นๆออกมาตามที่เป็นอยู่ในสังคม

ดังนั้น เป้าหมายหลักของ “เอไอสตรีนิยม” ก็คือนอกจากจะเสนอแนวทางในการพัฒนาเอไอที่สร้างความเป็นธรรมในสังคมแล้ว ยังมุ่งเปลี่ยนแปลงสังคมและกระแสสำนึกของผู้คนในสังคมเองอีกด้วย เอไอไม่สามารถทำงานได้โดยปราศจากการมีความสัมพันธ์ในด้านต่างๆกับผู้คนในสังคม รวมถึงกลุ่มต่างๆในสังคมและบริบทอื่นๆ การเปลี่ยนแปลงเอไออย่างได้ผลจึงจำเป็นต้องพิจารณารวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วย เราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพราะหากไม่ทำอะไรเลย เอไอก็จะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทุนหรืออำนาจทางการเมือง เพื่อสืบทอดและขยายอำนาจของตนเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นสังคมที่เป็นธรรมก็ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้

Soraj's avatar

By Soraj

I teach philosophy at the International Buddhist Studies College, Mahachulalongkornrajavidyalaya University. I am also Research Fellow at the Center for Science, Technology, and Society, Chulalongkorn University.

Leave a comment